วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งานชุมนุมฉลองครบ 6 เดือน ราชประสงค์

วันนี้ (วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2553 เวลา 16:00 น.) ก็เป็นช่วงเวลาของการชุมนุมฉลองครบ 6 เดือน ราชประสงค์ ซึ่งทราบข่าวมาว่า ผู้คนมากมาย กำลังทะยอยเดินทางกันมาสมทบกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้ต้องปิดเส้นทางการจราจรในช่วงดังกล่าว ไม่รู้ว่า การชุมนุมกันในวันนี้ จะเป็นกันไปเช่นใดหน่ะครับ ก็คงจะต้องติดตามข่าวคราวกันไปหล่ะครับ คงจะมีข่าวกันพอควร

อีกด้านหนึ่ง ก็ได้มีการนัดหมาย เพื่อนัดชุมนุมกันในช่วงต้นสัปดาห์หน้ากันแล้ว เพื่อออกมาแสดงพลัง และแสดงออก ซึ่งความไม่เห็นด้วยต่อนายกรัฐมนตรีของไทย

เอ้อ! สงสารแต่ลูกหลาน ผู้คนทั่วไป ที่ท้ายสุดก็ต้องมารับรู้ และเข้าใจกันไปว่า อ๋อ! นี่เป็นการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมือง ซึ่งเป็นธรรมดาที่ว่า ย่อมคิดเห็นแตกต่างกันไปได้ ทั้งนี้ ฝากรัฐบาลก็ออก Campaign ซึ่งน่าจะได้ยินกันคุ้นหูว่า "คิดต่างได้ แต่ไม่แตกแยก" ก็เป็นหลักการหล่ะครับท่าน ต่างฝ่าย ต่างก็เอียงกันไป ไม่ขวา ก็ซ้าย ไม่หน้า ก็หลัง แล้วก็ว่า นี่แหล่ะคือประชาธิปไตย พื้นฐานการเมืองที่ไม่รู้ว่า ใช่ประชาธิปไตยจริงหรือไม่ เนื่องจาก ส่งผลให้ประชาชนบางส่วนเดือดร้อน เปลืองน้ำมัน ราคามันก็แสนจะแพง ช่วงนี้ก็ถือได้ว่า เป็นขาขึ้นซะด้ัวย

ต่างก็ว่า นี่คือความต้องการของประชาชน บางครั้ง ผมก็มานั่งนึกว่า คำว่า "ประชาชน" หมายถึงใครกันบ้าง กินความหมายกว้างขวางกันมากมายเช่นใด หรือว่า แท้จริงแล้ว เป็นคำพูดเพียงการกล่าวอ้างกันไปลอย ๆ เท่านั้นเอง ผมเชื่อว่า ประชาชนคนไทยหลาย ๆ ท่าน ก็คงจะไม่เห็นด้วย และบ้างก็ได้รับความเดือดร้อน แต่ก็จนใจ ทำใจ ท้อใจ บ้างความดันขึ้น ก็อาจจะสิ้นใจกันไปเลย

จำนวนประชาชนคนไทย = จำนวนคนเสื้อสีเหลือง + จำนวนคนเสื้อสีแดง + จำนวนคนเสื้อสีขาว
+ จำนวนคนเสื้อสีน้ำเงิน + จำนวนคนเสื้อหลากสี

เอ...แล้วแต่ละสี แต่ละกลุ่มมีกันเป็นเท่าใด เป็นเสียงส่วนใหญ่ของปวงชนชาวไทยแล้วหรือยัง หรือที่กล่าวกันไว้ว่า เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ แท้จริงแล้ว คือ ประชาชนบางส่วนที่ต้องการเท่านั้นเอง ซึ่งอาจไม่ใช้เสียงส่วนใหญ่หรือเปล่า

ทางออกของประเทศไทย เป็นอย่างไร ?

ทุกปัญหามีทางออก หากทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เพื่อร่วมกันคิด ร่วมกันพิจารณา อาศัยเหตุ และผลเป็นหลัก อาศัยประโยชน์ของชาติเป็นเกณฑ์ ไม่ใช่ฝักฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง เชื่อว่า ประเทศไทยคงอยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี ทางแก้ไขง่าย ๆ ก็คือ ฝ่ายใดคิดกันอย่างไร ก็ประกาศกันออกมาทางสื่อ เพื่อให้สามารถเข้าถึง และทุกคนรับทราบโดยทั่วไป จากนั้น ทุกฝ่ายต้องยอมรับ และนัดหมายหารือร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาของชาติ ประโยชน์ของชาติ ได้ผลเป็นกันอย่างไร แถลงตามข้อเท็จจริง ว่า สรุปเป็นกันอย่างไร ได้ความกันอย่างไร เห็นด้วยหรือไม่ ด้วยสาเหตุใด จากนั้น ต่อไปจะร่วมดำเนินการกันอย่างไร เพื่อประโยชน์ของปวงชนคนไทยทั้งหลายกันอย่างแท้จริงซะที

ประวัติศาสตร์ ที่ผ่านมาของประเทศไทย ควรนำมาใส่ใจ และเก็บไว้เป็นประสบการณ์ จดจำให้มั่น อย่าได้มีฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง ละเลยกัน ไม่เช่นนั้น ก็ยังสงสัยอยู่ว่า ประโยชน์ที่แต่ละฝ่าย แต่ละพวก ออกมาแสดงพลัง อำนาจของปวงชน ประชาชนคนไทย ท้ายสุด เราได้อะไรกัน เป็นผลดีกันอย่างไรต่อประเทศชาติไทยกัน

เชื่อหรือไม่ว่า เด็กนักเรียน ในปัจจุบัน เค้าว่ากันอย่างไรบ้าง แทบไม่น่าเชื่อเลยหล่ะ เค้าว่า พวกผู้ใหญ่ ต่างก็ว่า ต้องการปฏิรูปการศึกษา ขณะที่ อีกฝ่ายหนึ่ง พยายามจะสร้างประวัติศาสตร์ชาติไทยกันอีกหน้าหนึ่ง ท้ายสุดปฏิรูปการศึกษากันไปอย่างไร ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ก็มาแล้ว พวกหนู ๆ ต้องมาจด มาจำสิ่งเหล่านี้ เพื่อประโยชน์อะไร ให้ท่องกันไป เป็นนกแก้ว นกขุนทอง ท้ายสุด คาดหวังว่า จะให้พวกหนู เป็นครูประวัติศาสตร์กันหรือเปล่า หรือว่าอย่างไร แค่นี้ กระเป๋าของหนู ยังไม่หนาเพียงพอต่อการแบกไปโรงเรียนกันทุกวันอีกหรือ คำพูดจากหนู ๆ เด็กนักเรียนต่อการเมืองไทยในปัจจุบัน

ชาติไทย จะดำรงไว้ได้ คงต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมใจ เข้าใจ รับฟัง แสดงออกของคนทุกฝ่ายร่วมกัน ไม่เช่นนั้น ท้ายสุด เราก็คงจะเป็นประเทศที่ล้าหลังสุด ๆ ในอนาคต 20 - 30 ปีข้างหน้ากันอย่างแน่นอน เป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก ๆ ทั้งที่ ขีดความสามารถของคนในชาติ มิได้ด้อยกว่าชาติใด ๆ เลยในโลก หลายต่อหลายครั้งก็ได้มีการพิสูจน์กันเป็นระยะ ๆ แต่หลาย ๆ สิ่ง ชาติไทยกลับล้าหลัง ถดถอย อย่างน่าเสียดาย ดูแล้วก็เหนื่อย จะเป็นกันเช่นใด หาก 5 ปีข้างหน้า เราวางนโยบายผลักดันประเทศสู่ความเป็นเลิศในด้านต่าง ๆ แล้วปรากฏว่า มันเป็นเช่นนั้น กันจริง ๆ ถามว่า จะมีใครขัดแย้งกันบ้างหรือไม่ เชื่อว่า ต่างก็คงจะยินดี มาครับ มาร่วมมือ ร่วมไม้ แสดงออก และใช้พลังสมอง และสองมือ ร่วมกันพัฒนาชาติไทยในทุกภาคส่วน เพื่อประชาชน ปวงชนชาวไทยทั้งหลายเถอะ อยากให้นักเรียนจดจำ และได้มีโอกาสเรียนรู้หน้าประวัติศาสตร์เช่นนี้ ของประเทศไทยกันบ้างเถอะ ถือเป็นหนึ่งความภาคภูมิใจของคนในชาติกันไปเลย น่าจะดีกว่า

วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

คืนวาน 21:35 น.

เมื่อวานนี้ (อังคารที่ 16 พฤศจิกายน 2553) เวลา 21:35 น. ที่กรุงเทพมหานคร เกิดปรากฏการณ์ ฝนตกหนักมาก ทั้งที่ย่างเข้าฤดูหนาวกันแล้ว ฝนตกร่วม ๆ ประมาณ 45 นาทีด้วยกัน ในช่วงแรก ๆ ก็คงจะมีการคาดคะเนกันไปต่าง ๆ นา ๆ โดยเฉพาะสถานะของวันพรุ่งนี้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า คงจะเกิดเหตุน้ำท่วมกรุงเทพกันอย่างแน่นนอน แต่ปรากฏว่า เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ฝนก็เริ่มซาลง

น่าแปลกที่ว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาว แต่กลับไม่ค่อยจะหนาวนัก กลับออกจะร้อนซะด้วยซ้ำไป อากาศในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เป็นไปตามฤดูกาลปกติค่อนข้างจะมาก วอนให้ท่าน ๆ ทั้งหลาย คงจะต้องตรวจ และกวดขัน เหล่าบรรดาลูก ๆ หลาน ๆ ให้พยายามหมั่นดูแลตนเอง มิเช่นนั้นก็อาจไม่สบายกันเอาง่าย ๆ เลยหน่ะครับ

มีเวลาก็ออกกำลังกายกันบ้างก็จะเยี่ยมมาก ๆ หน่ะครับ ร่างกายอบอุ่น สุขภาพแข็งแรง ก็เช่นเคย ถือได้ว่า เป็นลาภอันประเสริฐครับท่าน

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิธีการตรวจสอบธนบัตร

          วิธีการตรวจสอบธนบัตร เป็น Presentation Slide ที่น้องสาวคนเล็กของผม และผมช่วยกันออกแบบ
โดยหารายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ มาจาก BOT อ่ะครับ ก็นับว่า สนุกดี เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาส จัดทำ
การบ้าน ช่วยน้องสาวคนเล็ก มีบ้างที่บางครั้งเหนื่อยที่จะช่วย แต่สุดท้ายก็เพราะเป็นห่วง ก็เลยต้องทำ
และตรวจหาข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นให้ เพื่อให้น้องสาวคนเล็ก ได้มีข้อมูล และเร่งทำงาน เพื่อส่งมิสให้
เป็นที่เรียบร้อยครับผม

           ต่อไปก็เป็น embedded code หน่ะครับ ที่จะบรรจุไว้ในบทความ ในส่วนของแก้ไข HTML เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงแสดง PowerPoint ของน้องสาวคนเล็กของผมหน่ะครับ

            กรณีนี้ แม้จะมีคำติ ก็ไม่เป็นไรหน่ะครับ ไม่ต้องแจ้งก็ได้ครับ เดี๋ยวน้องสาวคนเล็กของผมจะรู้
แล้วก็จะงอแง อิ...อิ....อิ.....

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วันเวลาผ่านไป...เร็วเหมือนโกหก

          ที่เค้าว่ากัน "วันเวลาผ่านไป...เร็วเหมือนโกหก" ท่าจะจริง แป๊บ ๆ เรา ๆ ท่าน ๆ ผู้ใฝ่ศึกษาเรียนรู้ ด้านนวัตกรรมผ่านทาง TCU ก็ใกล้จะถึงฝั่งกันแล้ว โดยขณะนี้ เชื่อว่า ทุก ๆ ท่าน คงจะมาถึงกลางน้ำ กันหมดในทุกหลักสูตรวิชา เหลือเพียงอีกครึ่งหนึ่ง เราก็จะมากันถึงฝั่ง (ข้อห้าม ไม่ควรคิดเกินเลยไปกว่านี้ ผู้เขียนสื่อถึงสถานะเสมือนการว่ายน้ำเท่านั้น มิใช่จะหมายถึงเป็นสิ่งอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม้ใกล้ฝั่ง หน่ะครับ) อีกประมาณซัก 4-5 สัปดาห์ เราก็คงจะต้องลากัน และคงเข้าสู่ผวังความเงียบเหงา ในช่วงปิดเทอมกันอีกแล้ว

           ปิดเทอม จบชุดวิชา จะทำอะไรกันดีหน่ะ หลายต่อหลายท่าน คงจะบอกว่า เฮ....น่าจะพอดีพักร้อนจากงานประจำกันพอดิบพอดี เฮ... แต่เราคงจะต้องร่วมสมัยอยู่กับน้ำ ย้อนกลับไปสมัยได้ชื่อว่า เป็นเมืองเวนิสตะวันออกกันอีกครั้ง เหตุเพราะน้ำท่วมหล่ะครับ หลายต่อหลายผู้คน จากข่าว และสื่อต่าง ๆ เดือดร้อนกันมาก เดือดร้อนกันเยอะ บ้างก็ว่า ถึงเพลาจะต้องโยกกรุงเทพไปยัง จังหวัดเพชรบุรี กันแล้ว เพราะเป็นที่ ๆ เหมาะสมที่สุด อย่าขึ้นเหนือจนเกินไป และอย่าลงใต้กันจนเกินไป ไม่รู้ว่า จะส่งผลต่อที่ทางจังหวัดเพชรบุรีกันในช่วงนี้หรือเปล่า (ที่ดินราคาแพงขึ้น จากนักพยากรณ์)

            เด็กนักเรียนหลายกลุ่ม คงจะบอกว่า ดีจังน้ำท่วม จะได้หยุดเรียน บางคนก็ว่า เอ...ทำไมการเปิดภาคเรียนของนักเรียนในช่วงนี้ ลำบากจัง จำต้องมีเหตุ (ผมไม่ได้พาเข้าสู่เรื่องของการบ้านการเมืองหน่ะครับ คือมันเป็นประวัติศาสตร์แห่งประเทศไทยกันไปเรียบร้อยแล้ว) ก็ไม่รู้ทำไม

            ภาพยนตร์ หนังจอแก้ว จอเงิน ช่วงนี้ ก็มีหนังออกมาทำนองปลุก และสร้างความเข้าใจให้กับคนในชาติกันมาก นำตัวอย่างนั้น ตัวอย่างนี้ มานำเสนอบอกกล่าวกันเป็นระยะ ๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และตระหนักถึงความมั่นคง ความสามัคคี และฟังซึ่งกันและกันให้มาก ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมมือร่วมไม้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่แบ่งเป็นฝักฝ่าย เพราะทุกคนล้วนแล้วกำเนิดเกิดขึ้นบนพื้นแผ่นดินไทยด้วยกันทั้งสิ้น ดังที่มักจะได้ยินอยู่เนือง ๆ ว่า "คิดต่างได้ แต่ไม่แตกแยก" ทำนองนั้น

             หากเรา ๆ ท่าน ๆ ทำตนเป็นพหูสูตร รับฟัง รับรู้ กันให้มาก ก็คงจะดี มนุษย์เราทุกวันนี้ พูดกันเยอะ พูดกันมาก พูดกันไป บ้างก็สักแต่ว่าจะพูด ผมเคยได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า "ฟังให้เก่ง เป็นสองเท่า" ผมรู้สึกประทับใจในเนื้อหาเป็นอย่างไร และมักจะเหล่าต่อ ๆ ให้ผู้อื่นฟังเป็นระยะ ๆ เนื่องมาจาก ผมพบว่า คนเราในปัจจุบัน มักจะชอบแสดงเหตุ แสดงผลของตนเป็นหลัก น้อยนัก ที่จะรับฟัง ทำความเข้าใจ และรับรู้ผู้อื่น เค้าว่า คนเรานี้แปลกนัก คนปกติมีหูสองข้าง มีปากหนึ่งปากด้วยกันทั้งนั้น แต่กลับมักจะใช้ปาก มากกว่าหู กล่าวคือ พูดมาก ฟังน้อย หรือไม่ฟังซะด้วยซ้ัำไป มันเป็นหลักคิด เป็นมุมมอง ซึ่งผมสนใจมาก

              โลกเราทุกวันนี้ หากทุกท่าน ฟังให้เก่ง เป็นสองเท่า เมื่อเรามีเพียงปากเดียว ก็ใช้ให้เหมาะสม เมื่อเรามีหูสองข้าง ก็ใช้ให้พอดี เรา ๆ ท่าน ๆ หากต่างรับฟังเหตุ ฟังผล ผลัดกันพูด ผลัดกันทำความเข้าใจ ผลัดกันแสดงความคิดเห็น ปัญหาที่ผ่านมานั้น มันแค่เพียงธุลีดิน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรกันหนักหนา คำว่า "ปัญหา" นั้นอุบัติขึ้น เพื่ออะไร
               o รอการแก้ไข
               o ร่วมกันฝ่าฟัน
               o สร้างรอยหยักในสมอง ทำให้เก่ง ฉลาดขึ้น
               o เพื่อลูกหลานเราในอนาคตต่อไป

นั่นแหล่ะ คือตัวปัญหา ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ความรัก สามัคคี รู้จักช่วยเหลือ สนับสนุน อุ้มชูกัน ไม่แบ่งฝักฝ่าย ยึดมั่นความถูกต้อง รับฟังเหตุผล ไม่จ้องทำลายกัน สิ่งเหล่านี้ ควรต้องกำหนดให้เป็นพื้นฐานแห่งความเป็นไทย ซึ่งต้องแยกออกจากปัญหา เพราะปัญหาคือ สิ่งที่ทุกคนต้องร่วม ต้องช่วยกันแก้ไข เพื่อความเป็นชาติ ความเป็นปึกแผ่นของคนไทยตลอดไป

ปาย...ได้งัยเนี่ย

วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

และแล้ววันนี้...ก็มาถึง

          และแล้ววันนี้...ก็มาถึง วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2553 ผมได้เข้าไปยังหัวข้อชุดวิชานวัตกรรมฯ เพื่อทำการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับ Blog ที่ทดลองสร้างขึ้นมากันเป็นครั้งแรกในชีวิต เชื่อว่า หลาย ๆ ท่าน ก็คงจะเป็นครั้งแรกในชีวิตเช่นกัน ดังเช่นที่เคยนำเรียนกันไปก่อนหน้าแล้วว่า แรกเริ่มการสร้าง Blog ก็เจอปัญหากันเลย แต่สุดท้าย มันก็ผ่านไป ทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้ตามเวลา เพื่อรอการดับสูญ (ไปนั่นกันเลย อิ...อิ...อิ...)

           วันนี้ ก็เป็นอีกวันหนึ่ง ที่ลองเข้าไปเพิ่มนั่น ลดนี่ใน Blog กันตามระเบียบ เอ...แต่วันนี้ มีเรื่อง Surprise แต่ไม่ดีซะเท่าไหร่ คือ AdSense แจ้งกลับมาว่า "ท่านไม่ผ่านอนุมัติ" ทำงงกันไปเลย ไม่รู้ทำไม แต่ก็ลองเข้าไปทำกันใหม่ดูว่า จะได้ผลเป็นประการใด แน่นอนว่า การทำเช่นนี้ ก็เช่นกัน ต้องใช้เวลา กล่าวคือ อีก 1-2 วัน จึงจะทราบว่า การพิจารณาว่า จะผ่านหรือไม่ อุตส่าห์ จะช่วยโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้แล้ว ยังเรื่องเยอะอีก คิดกะตังค์ด้วยหน่ะเนี่ย ไม่ใช่ไม่คิด (ว่าไปนั่น)

            ถัดไปก็คงต้องเพิ่มเติม ปรับแต่ง Blog กันไปเรื่อย ๆ หล่ะครับ ก็นับว่า การสร้าง และการดูแล Blog ถือได้ว่า เป็นงานอดิเรก ที่น่าสนใจ และเพลิน ๆ กันดีเหมือนกันครับผม

รอบนี้ ก็ประมาณนี้ก่อนแล้วกันครับ ขอบคุณครับทุก ๆ ท่านที่มาร่วมติดตาม เอ...แล้วโอกาสหน้าจะมีเรื่องอะไรมานำเสนอ กล่าวถึงให้ฟังกันหล่ะเนี่ย

ขอบคุณครับ
ปล. ผมได้นำ Widget เลี้ยงปลามาวางไว้บน Blog ด้วย เพื่อความเพลิดเพลิน เจริญใจครับ ประมาณว่า
       ซ้ายเคลือนไหว ขวาหยุดนิ่ง ปายหล่ะครับ

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เฮฮา...ต้อนรับเข้าสู่สัปดาห์ที่ 5 ของการเรียนหลักสูตร e-Pro ภายใต้ TCU

     วันพุธที่ 20 ตุลาคม 2553 ช่วงเวลาสัปดาห์ที่ 4 ภายใต้การเรียนรู้ในชุดวิชาต่าง ๆ ในโครงการ e-Pro. ของ TCU นั้น บางหลักสูตรชุดวิชา ดูผู้เรียนค่อนข้างจะเร่ง และกระตือรืนร้นในการปั่นงานกันออกมา ขณะที่บางหลักสูตรกลับค่อนข้างประหลาด เนื่องจากจำนวนผู้เรียน เทียบกับผู้สมัครเรียน หายกันไปเยอะมาก อาจประมาณได้ว่า น้อยกว่า 50% ก็ยังว่าได้

     แน่นอนว่า ก็เหมือนผู้เรียน หรือนักเรียนทั่ว ๆ ไป ที่มักจะมาเร่งงานกันในช่วงจะใกล้หมดเวลา จนโกลาหล
ก็ซาหนุกดีเหมือนกัน ผมก็เข้าไปดูค่อนข้างบ่อยทีเดียว เพราะอยากรู้ว่า มีอะไร update กันบ้าง มีอะไรน่าสนใจกันบ้างเท่านั้นเอง

     สนุกที่ได้ร่วมกับเพื่อน ๆ ที่ร่วมเรียนด้วยกัน มาร่วมทำงานด้วยกัน หลายคนทุ่มเท หลายคนมุ่งมั่น หลายคนค่อนข้างกังวล และไม่เชื่อมั่นตนเอง แต่สำหรับผมแล้ว ผมเชื่อว่า ไม่ว่า จะเป็นเนื้อหาหลักสูตรใด ๆ ก็ตาม เราทุกคนสามารถผ่านกันไปได้แน่นอน แม้ระยะเวลาที่ใช้จะแตก และต่างกันไป ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ

     ขณะนี้ สิ่งที่ผมคิดอยูุ่ก็คือว่า เอ...พรุ่งนี้ บางเนื้อหาหลักสูตร เค้าจะเริ่มเข้าสู่สัปดาห์ที่ 5 กันแล้ว เอ...จะมีอะไรสนุก ๆ กันอีกหน่ะ จะได้มาขบ มาคิด สนุกครับ สนุกมาก ๆ สำหรับผมแล้ว การได้มาเรียนรู้ในรูปแบบอีเลิร์นนิงเนี่ย เข้าท่าทีเดียว มีเวลาก็เข้ามา ไม่มีเวลาก็เก็บไว้ก่อน แต่ที่สำคัญคือ Time Management และ Discipline ของเรา ๆ ท่าน ๆ นั่นเอง

     บางครั้ง ผมยังกล่าวกับเพื่อน ๆ บางท่านว่า หากแม้ผมสามารถเรียนรู้ ผ่านระบบนี้ได้ โดยไม่ติดขัด และเป็นปัญหาแล้ว ผมก็เชื่อว่า ท่านอื่น ๆ ก็จะต้องสามารถผ่านมันไปได้เช่นเดียวกัน ผมเชื่อเช่นนั้น และอยากให้ทุกท่านเชื่อในสิ่งนั้นเช่นกัน

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แรกเริ่มกับการสร้าง Blog

แรกเริ่มกับการสร้าง Blog

     วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม 2553) เป็นวันเริ่มต้นการศึกษาบทเรียนในสัปดาห์ที่ 4 โครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย หลักสูตร ผู้เชี่ยวชาญอีเลิร์นนิง วิชานวัตกรรมเทคโนโลยีในอีเลิร์นนิ่ง

     พอเริ่มศึกษา และเริ่มลงมือสร้าง Blog ก็เริ่มงงกันเล็กน้อยว่า เกิดอะไรขึ้น เริ่มตั้งแต่การกรอกชื่อ Blog แล้วกดปุ่มให้ดำเนินการต่อ ปรากฏว่า โปรแกรมแสดงข้อความแจ้งความผิดพลาด อาทิเช่น การแจ้งให้ Enable การใช้งาน Java Script, การให้ลบ Cache และ Clear Cookie เป็นต้น ก็เลยเริ่มงง ๆ ว่า เกิดอะไรขึ้น ทั้งที่เรายังไม่ได้ทำอะไรไปมากมายเลย

     จากนั้น ก็เลยเลิก แล้วหันไปหาข้อมูลเกี่ยวกับการสร้าง Blog ว่า ต้องดำเนินการกันอย่างไรสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะเปลี่ยน หันไปเข้าสู่ http://www.blogger.com/ อีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่า ระบบยังคงจดจำว่า เป็นเรา ขณะที่ส่วนต่าง ๆ ก็สามารถดำเนินการได้ปกติในแต่ละขั้นตอนการสร้าง กระทั่งเข้าสู่ หน้านี้ หน้าสำหรับสร้างบทความใหม่ ๆ ของ Blog

      มาถึงจุดนี้ ก็เลยถือโอกาสบันทึกประสบการณ์แรกเริมกับการสร้าง Blog เอาไว้ เพื่อเป็นข้อมูล สะสมไว้ดุในภายภาคหน้าว่า เราเริ่มศึกษา เรียนรู้ การสร้าง Blog กันเมื่อใดครับผม